ดีไซน์สะท้อนอารมณ์
นาฬิการุ่นใหม่ กับ ภาพลักษณ์สำหรับวันนี้

“collection 1” นาฬิการุ่นแรกจาก Seiko power design project ไม่ใช่นาฬิกาข้อมือธรรมดาทั่วไป แต่มันคือผลงานออกแบบที่ตั้งใจปลุกเร้าความรู้สึกในส่วนลึกที่สุดของจิตใจ

เราได้พูดคุยกับ Yuya Suganuma ดีไซเนอร์หลักของ collection 1 ถึงแนวคิดเบื้องหลังการสร้างสรรค์นาฬิการุ่นนี้ พร้อมด้วยแขกรับเชิญพิเศษ NAKAKI PANTZ นักวาดภาพประกอบผู้รับหน้าที่สร้างคีย์วิชวลให้กับ Seiko power design project และ collection 1 เพื่อร่วมค้นหาว่าเสน่ห์เฉพาะตัวของผลงานชิ้นนี้อยู่ที่ไหน และมันถูกรังสรรค์ขึ้นมาได้อย่างไร

Suganuma: "นอกจากนาฬิกาแล้ว ผมยังสนใจเครื่องประดับและแอคเซสเซอรี่อื่น ๆ ด้วย ถึงแม้นาฬิกาแบบกำไลจะไม่เป็นที่นิยมในช่วงหลัง แต่เมื่อผมเห็น Tisse ในคลังนาฬิกาเก่าของ Seiko มันกลับดูสดใหม่ในสายตาผม ผมรู้สึกโดยสัญชาตญาณเลยว่า ถ้าเพิ่มอะไรบางอย่างเข้าไป มันอาจกลายเป็นนาฬิกาที่น่าสนใจและเข้ากับรสนิยมของคนยุคนี้ได้"

"แต่การพัฒนาออกแบบก็ไม่ได้ง่ายเลย เพราะต้องลองผิดลองถูกหลายครั้ง โดยเฉพาะความตั้งใจที่จะเปลี่ยนนาฬิกาผู้หญิงรุ่นเก่าให้กลายเป็นนาฬิกาแบบร่วมสมัย ผมตั้งใจจะทำให้นาฬิกาเรือนนี้กลายเป็นเหมือนแอคเซสเซอรี่ที่ใคร ๆ ก็สามารถใส่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน อายุเท่าไหร่ หรืออยู่ในกลุ่มไหนก็ตาม ถ้านาฬิกาดู ‘เล็กและน่ารัก’ จนเกินไป คนอาจเผลอตีความว่าเป็นนาฬิกาสำหรับผู้หญิง ซึ่งผมพยายามหาวิธีหลีกเลี่ยงจุดนั้น เพื่อให้ผู้คนมองนาฬิกาเรือนนี้ด้วยสายตาใหม่"

เติมกลิ่นอายยุค 2020 ให้กับนาฬิการุ่นปี 1984

คนหนึ่งที่เข้าใจความท้าทายในการออกแบบของ Suganuma ได้เป็นอย่างดี คือ NAKAKI PANTZ
นักวาดภาพประกอบที่รับหน้าที่สร้างคีย์วิชวลให้กับ Seiko power design project และ collection 1

NAKAKI PANTZ: “รุ่นต้นแบบอย่าง Tisse มีความโดดเด่นในแบบที่คลาสสิกและสง่างาม แม้จะดูเรียบง่าย แต่ก็สัมผัสได้ถึงดีไซน์ที่เปี่ยมไปด้วยความประณีต ส่วน collection 1 ซึ่ง Suganuma ออกแบบขึ้นใหม่ ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุค 2020 อย่างแท้จริง

สำหรับฉัน นาฬิกาคือไอเท็มแฟชั่นอันดับแรก แล้วจึงเป็นเครื่องบอกเวลาที่เที่ยงตรง สำหรับนาฬิกาที่ไม่ดูสบายเกินไป แต่ก็สามารถใส่ในโอกาสทางการได้ collection 1 ถือว่าใกล้เคียงกับคำว่า 'สมบูรณ์แบบ' มากเลยค่ะ”

Suganuma: “สิ่งที่น่าแปลกคือ Tisse มีความรู้สึกเหมือนเป็นเครื่องประดับ ด้วยสายที่ดูคล้ายลูกปัดเล็ก ๆ ต่อกัน แต่ขณะเดียวกันก็ดูมีความเป็นอุตสาหกรรมอยู่ในตัว ผมพยายามคิดว่าจะถ่ายทอดความรู้สึกแบบนั้นไว้ในดีไซน์ใหม่ได้อย่างไร ซึ่งตรงนี้แหละครับที่ยากที่สุด ผมตั้งใจรักษาความรู้สึกหลวม ๆ แบบที่ Tisse มีไว้ แต่ก็อยากผสมลูกเล่นใหม่ ๆ ที่ละเอียดอ่อนลงไปให้กลายเป็นดีไซน์ที่เข้ากับยุค 2020 จริง ๆ”

NAKAKI PANTZ: “แล้วในแง่ของการออกแบบจริง ๆ คุณทำยังไงให้มันดูร่วมสมัยล่ะ?”

Suganuma: “จุดที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ ขนาดและรูปทรงของข้อสายด้านบนและด้านล่างตัวเรือนไม่เหมือนกันครับ เราตั้งใจทำแบบนี้เพื่อลบภาพจำว่า ‘นาฬิกาเรือนเล็ก = ของผู้หญิง’
โดยการผสานดีไซน์ของตัวเรือนและสายด้านบนให้กลมกลืนกัน และตัดกับรูปทรงของสายด้านล่างอย่างชัดเจน เราอยากให้มันดูไม่เหมือนนาฬิกาข้อมือทั่วไป สไตลิ่งของเราได้รับแรงบันดาลใจจากกระแสแฟชั่นที่กำลังกลับมาในตอนนี้ คือ ‘กำไลข้อมือขนาดใหญ่’ นั่นเองครับ”

NAKAKI PANTZ: “ฟังดูเข้าใจได้เลย! ฉันเองก็อยากใส่อะไรที่ตรงกับรสนิยมของตัวเองมากกว่าที่จะใส่เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์ใดจุดประสงค์หนึ่ง ฉันชอบดีไซน์ที่ดึงดูดใจแบบสัญชาตญาณ นั่นแหละคือสิ่งที่ collection 1 เป็น—ดูสบาย ๆ พอจะใส่ได้ทุกวัน และการที่มีแค่สามสีให้เลือก—ทอง เงิน และดำ—มันเท่มากเลย
ที่น่าทึ่งอีกอย่างก็คือ มันถูกออกแบบโดยดีไซเนอร์รุ่นใหม่ที่อายุไล่เลี่ยกับฉันด้วย แล้วคุณได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากไหนเหรอ?”

Suganuma: “เวลาผมเจออะไรที่ชอบ ผมจะพยายามแยกแยะว่า 'องค์ประกอบไหน' กันแน่ที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น ไม่ใช่แค่ของสามมิตินะครับ แต่งานหัตถกรรมโบราณหรือภาพวาดก็มีอิทธิพลเหมือนกัน มันเหมือนเป็นการสะสมแรงบันดาลใจจากหลายแขนง ผมอาจจะคิดแค่ว่า ‘ชอบสีนี้’ หรือ ‘การผสมทรงแบบนี้มันน่าสนใจ’ แล้วค่อย ๆ เก็บรายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านั้นมาทีละนิดครับ”

NAKAKI PANTZ: “คล้าย ๆ กับฉันเลย ฉันเองก็หยิบแรงบันดาลใจมาจากหลายแหล่ง แต่ของฉันจะเป็นภาพสองมิติ เช่น Pinterest, Instagram หรือโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ใช้ดูเรื่องโทนสีเป็นหลัก
แต่ของคุณจะเน้นจากสิ่งที่สัมผัสได้จริง เห็นจริง จับต้องได้ ความคิดสร้างสรรค์อาจจะคล้ายกัน แต่แหล่งที่มาของแรงบันดาลใจมันต่างกัน และนั่นก็น่าจะสะท้อนถึงความแตกต่างของผลงานที่เราทั้งสองคนผลิตออกมาด้วย น่าสนใจดีนะ!”

นาฬิกาที่ฉีกกฎภาพจำเดิม ๆ และเข้าถึงอารมณ์ความชอบของแต่ละคน

Suganuma ยังรับหน้าที่กำกับภาพคีย์วิชวลสำหรับโครงการ Seiko power design project และ collection 1 อีกด้วย
เขาเองเป็นคนที่ชักชวน NAKAKI PANTZ มาร่วมงานในฐานะนักวาดภาพประกอบของโปรเจกต์นี้

Suganuma: "ตอนที่ผมเริ่มคิดภาพในหัวว่าคีย์วิชวลควรจะออกมาเป็นแบบไหน ภาพของตัวละครที่ NAKAKI PANTZ วาดอยู่เสมอก็ลอยเข้ามาทันที ผมรู้สึกเชื่อมโยงกับรสนิยมด้านศิลปะของเธออย่างมาก เพราะเธอมีเซนส์บางอย่างที่ทั้งดูมีเสน่ห์แบบย้อนยุค และร่วมสมัยในเวลาเดียวกัน ซึ่งผมคิดว่าเข้ากับโครงการนี้ได้อย่างลงตัว เลยตัดสินใจติดต่อเธอครับ"

NAKAKI PANTZ: "ขอบคุณมากเลยค่ะ ตอนแรกก็แอบกังวลอยู่เหมือนกันว่าจะสามารถทำงานให้กับบริษัทที่มีความเป็นทางการและประวัติศาสตร์ยาวนานได้ไหม แต่ในใจฉันก็อยากทำผลงานให้ออกมาดีที่สุด เพราะรู้ว่านาฬิการุ่น collection 1 นี้จะถูกสวมใส่โดยคนหลากหลายช่วงวัย ฉันเลยทำงานด้วยความรู้สึกเหมือนมีภารกิจบางอย่างอยู่ตลอดเวลาว่า 'ทำไมเขาถึงเลือกฉัน'"

"สิ่งหนึ่งที่ฉันมั่นใจก็คือ คนที่เลือกใส่นาฬิการุ่นนี้ มักเป็นคนที่คนรอบข้างชื่นชม—แบบที่ใครเห็นแล้วก็อยากจะเป็นเหมือนเขา หรืออยากจะใส่นาฬิกาแบบเดียวกัน พอฉันออกแบบตัวละครทั้งสาม ฉันก็นึกถึงคนประเภทนั้น—คนที่ทำให้คนอื่นรู้สึกว่า 'อยากเป็นแบบนั้นบ้าง'
โดยปกติแล้ว ฉันก็ชอบวาดตัวละครที่มีแอคเซสเซอรี่หรือเครื่องประดับต่าง ๆ อยู่แล้ว ซึ่งเข้ากับคอนเซปต์ของ collection 1 พอดี นาฬิกาดูเป็นธรรมชาติมาก แต่ก็ยังมีความโดดเด่นเฉพาะตัว ฉันรู้สึกดีมากกับผลงานครั้งนี้ค่ะ"

Suganuma: "ผมรู้สึกประทับใจทุกขั้นตอนของการสร้างภาพคีย์วิชวลเลยครับ มันสนุกมากที่ได้เห็นตัวละครที่เคยอยู่แค่ในจินตนาการ กลายมาเป็นภาพจริงที่มีชีวิตชีวาขนาดนี้
โดยพื้นฐานแล้ว หัวใจของการออกแบบนาฬิกาก็คือการถามตัวเองว่า ‘เราอยากใส่นาฬิกาแบบไหน?’
ผมก็เลยให้คุณดูภาพอ้างอิงทั้งแฟชั่นและภาพพอร์ตเทรตจำนวนมาก โดยตั้งคำถามสำคัญไว้ว่า ‘เราอยากเป็นใคร?’ และ ‘เราอยากเห็นใครใส่นาฬิการุ่นนี้?’"

NAKAKI PANTZ: "คุณให้ภาพในหัวที่ชัดเจนกับฉันมาก ซึ่งช่วยให้เราทำงานประสานกันได้ดีจริง ๆ เวลาฉันจะสร้างตัวละครขึ้นมา ฉันมักเริ่มต้นจากการกำหนดบุคลิกหรือคุณลักษณะเด่นบางอย่างก่อน
สำหรับตัวละครหลัก ฉันอยากให้เขาดูเป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง แข็งแกร่ง แต่ไม่มีการระบุเพศชัดเจน—เปิดกว้างทางเพศภาพ"

Suganuma: "พวกเราตั้งใจให้นาฬิการุ่นนี้เข้าถึงคนที่ไม่ยึดติดกับกรอบเดิม ๆ และเลือกสิ่งที่สะท้อนตัวตนของเขาจริง ๆ แม้แต่ในภาพคีย์วิชวล เราก็พยายามเลี่ยงภาพจำแบบเดิม ๆ ให้มากที่สุด
ส่วนภาพอีกชุดหนึ่งที่คุณวาดนั้น เป็นภาพที่สะท้อนธีมของโครงการ Seiko power design project ซึ่งผมชอบมากเช่นกัน
ผมอยากได้ภาพที่สื่อถึงทัศนคติของทีมดีไซเนอร์ในระหว่างที่ทำงานร่วมกัน—ความรู้สึกมีพลัง มีแรงผลักดัน และบรรยากาศของการร่วมมือกันอย่างสนุกสนาน"

NAKAKI PANTZ: "ฉันวาดตัวละครทั้งหมด 5 คนโดยใช้สีสันที่สดใส ได้แก่ สีม่วง เขียว เหลือง น้ำเงิน และชมพู โดยพยายามทำให้พวกเขาไม่ดูเหมือนกลุ่มทีมพิเศษหรือทีมซูเปอร์ฮีโร่เกินไป ตัวละครทั้งห้าคนมีความหลากหลายทั้งในแง่ของอายุและเพศ แต่พวกเขากำลังเคลื่อนไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกัน
ฉันคิดว่าเป็นภาพที่ให้ความรู้สึกสดใสและเป็นบวกมากเลยค่ะ"

Suganuma: "ทีมออกแบบของ Seiko เองก็มีสมาชิกที่หลากหลายมากเช่นกัน ผมดีใจมากที่คุณสามารถถ่ายทอดความหลากหลายนั้นออกมาในภาพได้อย่างแม่นยำ"

ความละเมียดละไมของนักสร้างสรรค์ คือพลังที่เข้าถึงหัวใจของผู้คน

ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของ Seiko หลายคนจึงมองว่าบริษัทนี้ให้ความสำคัญกับความดั้งเดิมอยู่ไม่น้อย แล้วในมุมมองของคุณ โครงการ Seiko power design project จะมีบทบาทอย่างไรในอนาคต?

Suganuma: "สำหรับนาฬิการุ่นหลักทั่วไป เราก็ต้องคำนึงถึงดีไซน์ที่ผู้คนหลากหลายสามารถยอมรับได้ ซึ่งก็เป็นหน้าที่หนึ่งของนักออกแบบเช่นกัน แต่ผมคิดว่างานของเรายังรวมถึงการแสดงให้เห็นว่า เราสามารถคิดนอกกรอบ และนำเสนอไอเดียใหม่ ๆ ที่น่าสนใจได้

ผมเชื่อว่าสิ่งที่มีความหมายจริง ๆ คือการที่เรามีนักออกแบบที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และสามารถถ่ายทอดความรู้สึก ละเอียดอ่อนของพวกเขาออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ได้อย่างซื่อสัตย์ และทำให้มันกลายเป็นของที่ผู้คนสามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน"

NAKAKI PANTZ: "ฉันก็รู้สึกแบบเดียวกันตอนที่ได้ทำงานในโปรเจกต์นี้ Seiko เป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ค่อนข้างอนุรักษ์นิยมมาก่อน เลยรู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่บริษัทเปิดกว้างมากพอจะสร้างนาฬิกาในแนวที่สนุกและแหวกแนวแบบนี้
มันน่าดีใจมากที่ได้เห็นกระบวนการออกแบบที่คิดนอกกรอบสุด ๆ แต่กลับให้ผลลัพธ์ที่สวยงามขนาดนี้"

"ถ้าฉันเป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์ แล้วมีคนเอาดีไซน์ของ collection 1 มาให้ดู ฉันคงรู้สึก 'หงุดหงิดเล็ก ๆ' เพราะมันเป็นไอเดียที่ดูเหมือนจะเข้าถึงได้ง่าย แต่การจะเปลี่ยนจาก ‘เกือบจะคิดออก’ ให้กลายเป็นไอเดียที่ทะลุเพดานออกมาจริง ๆ นั้น มันยากมาก
ขั้นตอนสุดท้ายนั้นมักขึ้นอยู่กับจังหวะ โอกาส และแรงบันดาลใจล้วน ๆ และสุดท้ายแล้ว งานสร้างสรรค์ก็คือการวนซ้ำกับกระบวนการแบบนี้แหละ…ใช่ไหมล่ะ?"

Suganuma: "ผมคิดว่า ความรู้สึกแบบ 'เอ๊ะ แบบนี้ฉันก็คิดได้นี่นา' เป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของงานออกแบบเลยนะ เพราะนั่นคือ 'ความรู้สึกร่วม'
การค้นพบเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันอาจกลายเป็นคุณค่าใหม่ให้กับใครบางคน หรือไปสะท้อนกับความรู้สึกของคนอื่นได้
และผมว่าความเชื่อมโยงแบบนั้นแหละ คือจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาที่สิ่งพิเศษบางอย่างจะถือกำเนิดขึ้นจริง ๆ"

Report & text：Tetsuo Shinoda