Photo of SPB523
Photo of SPB521
Photo of SPB524
Photo of SPB521
Exhibition 3

งดงามเหนือกาลเวลา
ในทุกเส้นใย

“ความงามเชิงหน้าที่” ของญี่ปุ่นคืออะไร?
นี่คือคำถามสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง
คอลเลกชัน Seiko Presage Classic Series
ซึ่งถือกำเนิดจากแนวคิด “Gracefully wearing
Japanese beauty” หรือ “การสวมใส่ความงามแบบญี่ปุ่นอย่างสง่างาม”
นาฬิกาเรือนนี้ผสานกลไกจักรกลแบบดั้งเดิมที่ผลิตในญี่ปุ่น
เข้ากับความงามอันประณีต
และดีไซน์เหนือกาลเวลา – ถ่ายทอดจิตวิญญาณ
แห่งงานฝีมือญี่ปุ่นและความงามแบบเรียบหรูอย่างแท้จริง
Museum Presage จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่
ในการสำรวจวิวัฒนาการของ “ความงาม”
ในหลากหลายมิติทั่วประเทศญี่ปุ่น ที่สอดคล้องกับ
ปรัชญาเบื้องหลังแบรนด์ Presage
และในบทที่สามของซีรีส์นี้
เราได้หันมาโฟกัสยังเกาะอามามิ โอชิมะ

บทสนทนาอันพิเศษ
ระหว่างประเพณีและการออกแบบ

เมื่อมรดกและนวัตกรรมต่างมี “จิตวิญญาณเดียวกัน”

บทสนทนาระหว่างคุณโคชิมะ ตัวแทนจาก
Oshima Tsumugimura และ
คุณทาคุยะ มัตสึโมโตะ นักออกแบบ
จาก Seiko Watch Corporation

ท่ามกลางธรรมชาติอันเขียวชอุ่มของเกาะอามามิ โอชิมะ มีบทสนทนาอันเงียบสงบกำลังเกิดขึ้น ระหว่างประเพณีและนวัตกรรม เส้นด้ายและกี่ทอผ้า งานฝีมือและเวลา การสนทนานี้เกิดขึ้นระหว่างช่างฝีมือสองคนจากโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง: คุณโทะคุฮารุ โคชิมะ ตัวแทนของ Oshima Tsumugimura ผู้พิทักษ์มรดกผ้าทอเก่าแก่กว่า 1,300 ปี และคุณทาคุยะ มัตสึโมโตะ นักออกแบบนาฬิกาแห่ง Seiko ผู้อยู่เบื้องหลังคอลเลกชัน Presage Classic Series แม้ทั้งสองจะสร้างสรรค์ผลงานผ่านสื่อที่ต่างกัน แต่การพบกันครั้งนี้เผยให้เห็นถึงความเคารพร่วมกันต่อ “ความแม่นยำ ความอดทน และความงามที่ก่อกำเนิดจากการใช้งาน” สิ่งที่หลอมรวมงานของทั้งคู่เข้าด้วยกัน ไม่ได้มีเพียงทักษะเชิงเทคนิคเท่านั้น แต่ยังรวมถึง “ความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรม” ที่หยั่งรากลึกอยู่ในความสัมพันธ์ของชาวญี่ปุ่นกับธรรมชาติ ฤดูกาล และความต่อเนื่องของกาลเวลา

ความกลมกลืนระหว่างธรรมชาติ
และงานฝีมืออันประณีต

ปรัชญาเบื้องหลังความเที่ยงตรง
ในงานฝีมือ

เมื่อคุณทาคุยะ มัตสึโมโตะ นักออกแบบนาฬิกาของ Seiko ได้พบกับกระบวนการทอผ้าโอชิมะสึมุกิ (Oshima Tsumugi) เป็นครั้งแรก เขารู้สึกประทับใจในความละเอียดซับซ้อนของงาน ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับโลกของการผลิตนาฬิกากลไกอย่างน่าทึ่ง ที่หมู่บ้านโอชิมะสึมุกิ บนเกาะอามามิ โอชิมะ คุณโทคุฮารุ โคชิมะ ได้พาเขาชมทุกขั้นตอนของการทอผ้า ตั้งแต่การย้อมไหมละเอียดเพียง 0.3 มิลลิเมตรด้วยเทคนิคการย้อมโคลนแบบดั้งเดิม ไปจนถึงขั้นตอนการมัดและการจัดเรียงเส้นไหมอย่างประณีต เพื่อสร้างลวดลายเฉพาะตัวที่เรียกว่า คะสุริ (ikat)

“เราดีไซน์นาฬิกาที่ต้องวัดความแม่นยำระดับหนึ่งในร้อยของมิลลิเมตร” คุณมัตสึโมโตะกล่าว “วิธีที่ช่างทอผ้าที่นี่คำนวณและปรับลวดลายก่อนจะเริ่มทอแม้แต่เส้นเดียว มันเหมือนกับกำลังมองภาพสะท้อนของกระบวนการทำงานของเราเอง”

คุณโคชิมะอธิบายว่า เส้นไหมแต่ละเส้นต้องผ่านกระบวนการย้อม ปกป้อง และจัดเรียงอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ลวดลายที่ตรงกันอย่างสมบูรณ์ ความแม่นยำนี้สร้างความประทับใจให้กับคุณมัตสึโมโตะอย่างลึกซึ้ง เพราะทั้งสองงานต่างมีปรัชญาร่วมกันคือ “ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญ” ทั้งคู่ต้องการความอดทน ความเชี่ยวชาญ และความเข้าใจในวัสดุอย่างลึกซึ้ง การใช้กี่ ชิเมบาตะ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นในยุคเมจิ (1868–1912) ได้ยกระดับผ้า Tsumugi ให้มีความละเอียดเที่ยงตรงราวกับไมโครกลไกของนาฬิกา

อีกหนึ่งคุณค่าของความเที่ยงตรงนี้คือพลังเชิงสัญลักษณ์ของเทคนิค คะสุริ แนวตั้งและแนวนอนต้องสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบเพื่อสร้างลวดลายไร้รอยต่อ เปรียบได้กับชุดเฟืองในกลไกนาฬิกาที่ต้องทำงานประสานกันอย่างแม่นยำเพื่อรักษาเวลา ทั้งสองสิ่งนี้สะท้อนถึงจิตวิญญาณของงานฝีมือญี่ปุ่น การสร้างสรรค์ด้วยความตั้งใจ พิถีพิถัน และเคารพในวัสดุ

Photo of Tokuharu Koshima President & CEO, Oshima Tsumugimura Certified Traditional Craftsman

โทคุฮารุ โคชิมะ
ประธานและ CEO, Oshima Tsumugimura
ช่างฝีมือดั้งเดิมที่ได้รับการรับรอง

Photo of Takuya Matsumoto Product Design Department Seiko Watch Corporation

ทาคุยะ มัตสึโมโตะ
ฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์
Seiko Watch Corporation

ออกแบบเพื่อความสง่างามในทุกๆ วัน:
Presage Classic Series และ
จิตวิญญาณของ “ความงามเชิงหน้าที่”

Seiko Presage Classic Series สร้างขึ้นตามแนวคิดของ “ความงามที่เกิดจากการใช้งาน” ซึ่งเป็นความงามที่ถือกำเนิดจากประโยชน์ใช้สอยอย่างแท้จริง คุณมัตสึโมโตะอธิบายว่า นาฬิการุ่นนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพียงเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ความงดงามของมันเกิดจากฟังก์ชันการใช้งานอย่างลงตัว ตัวหน้าปัดทรงโดมได้รับการออกแบบให้สะท้อนแสงอย่างนุ่มนวล คล้ายประกายของผ้าไหม แม้แต่ความไม่เรียบเล็กน้อยของลวดลายในแนวรัศมีของหน้าปัดก็เป็นเจตนา เพื่อให้สะท้อนถึงความพลิ้วไหวตามธรรมชาติของเส้นไหมที่ถักทอรวมกัน

“เราต้องการสร้างนาฬิกาที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยนและคุ้นเคย สิ่งที่สามารถสวมใส่ได้ทุกวัน” เขากล่าว “เหมือนกับกิโมโนตัวโปรด ที่ยิ่งใช้งานก็ยิ่งสวยขึ้นตามเวลา”

Classic Series ได้รับแรงบันดาลใจจากวัสดุและงานฝีมือแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยเฉพาะผ้าไหม หน้าปัดถูกออกแบบให้มีพื้นผิวละเอียดซับซ้อน เพื่อสะท้อนความแวววาวของเส้นไหมที่ทอด้วยมือ การสร้างพื้นผิวลักษณะนี้ต้องใช้ความแม่นยำสูงมาก ลวดลายนูนของหน้าปัดมีความต่างระดับเพียง 0.02 มิลลิเมตร และส่วนโค้งของหน้าปัดยังช่วยเพิ่มมิติการสะท้อนแสงให้พลิ้วไหวอย่างงดงาม

Photo of SPB521

คุณโคชิมะเห็นความคล้ายคลึงกับผ้า Oshima Tsumugi อย่างชัดเจน “ในวัฒนธรรมของเรา เสื้อผ้าจะถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น กิโมโนอาจถูกเลาะออกแล้วเย็บใหม่ให้กับลูกสาว และภายหลังอาจกลายเป็นผ้าห่มให้เด็กทารก” เขาเล่า “นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เรามุ่งสร้างสิ่งที่ไร้กาลเวลา ลวดลายที่ออกแบบมาจะต้องเหมาะกับทั้งคุณยายและหลานสาวได้เหมือนกัน”

เขาชื่นชมพื้นผิวและสีสันของหน้าปัด Presage ที่ได้แรงบันดาลใจจากผ้าไหม ซึ่งทำให้เขานึกถึงประกายแสงอันละเอียดอ่อนบนผ้า Tsumugi โดยเฉพาะวิธีที่ความหนาของเส้นไหมและการดูดซึมสีย้อมสร้างเงาสะท้อนที่มีชีวิตชีวา เขากล่าวว่า แนวคิดเบื้องหลังการออกแบบ Presage ถ่ายทอดแก่นแท้ของ “ความงามเชิงหน้าที่” ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความงามที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากกาลเวลา การใช้งาน และความผูกพันทางอารมณ์

  • Photo of conversation
  • Photo of conversation
  • Photo of conversation

ถักทอโดยผืนแผ่นดิน:
ธรรมชาติแห่งอะมามิและ
ความงดงามของผืนแผ่นดิน

“Oshima Tsumugi สามารถถือกำเนิดขึ้นได้เพียงที่อะมามิเท่านั้น” คุณโคชิมะกล่าว กระบวนการย้อมสีของผ้านี้อาศัยดินเฉพาะของภูมิภาค ซึ่งอุดมไปด้วยธาตุเหล็กจากอุกกาบาตที่ตกลงมาบนพื้นดินเมื่อราว 1.5 ล้านปีก่อน ดินโคลนสีแดงนี้ทำให้สามารถย้อมผ้าได้ในโทนสีที่เข้มและคงทน เมื่อผสมเข้ากับสารสกัดจากพืชที่มีแทนนินสูง เช่น ชารินไบ (หรือ Yeddo Hawthorn) ซึ่งเป็นไม้พุ่มดอกสีขาวที่เติบโตตามชายฝั่งญี่ปุ่น กระบวนการย้อมด้วยโคลนจึงไม่ใช่เพียงเทคนิค แต่เป็นการสะท้อนอัตลักษณ์ของสถานที่โดยตรง

บริบททางธรรมชาติอันโดดเด่นนี้ถือเป็นหัวใจของเอกลักษณ์ผ้า Oshima Tsumugi เช่นเดียวกับที่ “ฤดูกาล” และ “ถิ่นฐาน” เป็นหัวใจของงานหัตถศิลป์ญี่ปุ่นหลายแขนง คุณโคชิมะอธิบายว่า ลวดลายบนผ้า Tsumugi มักได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติรอบตัว เช่น ใบปาล์ม sago หรือรูปปลาที่อาศัยในท้องถิ่น ทำให้งานศิลป์นี้หยั่งรากอยู่ในระบบนิเวศของพื้นที่อย่างแท้จริง

คุณโคชิมะยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ความงามในแบบญี่ปุ่น ที่มักถูกอธิบายว่า “ละเอียดอ่อน เรียบง่าย และสงบเงียบ” ล้วนเกิดจากความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เป็นการใช้ชีวิตเคียงข้างธรรมชาติ เคารพในพลังของมัน และได้รับแรงบันดาลใจจากการเปลี่ยนแปลงของมัน

ส่งต่อความงาม:
นวัตกรรมที่เคารพต่อรากเหง้าดั้งเดิม

ในช่วงท้ายของบทสนทนา ทั้งสองได้หันมาพูดถึงอนาคต พวกเขาเห็นพ้องกันว่าการสืบสานประเพณีไม่ใช่เพียงการทำซ้ำ แต่ต้องมีการพัฒนาและต่อยอดควบคู่กันไป

“ทุกวันนี้เราเริ่มสร้างผลิตภัณฑ์ใช้ในชีวิตประจำวันจากผ้า Oshima Tsumugi ไม่ใช่เพียงแค่กิโมโนเท่านั้น” คุณโคชิมะกล่าว “ตั้งแต่กระเป๋าไปจนถึงเสื้อแจ็กเก็ต เราอยากให้ผ้านี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน และนั่นคือวิธีที่หัตถศิลป์นี้ยังคงมีชีวิตต่อไป”

แม้จะยังคงรักษาหลักการดั้งเดิมไว้ Oshima Tsumugi ได้ขยายขอบเขตสู่การใช้งานร่วมสมัยมากขึ้น ตั้งแต่เสื้อกั๊ก เสื้อคลุม ไปจนถึงของตกแต่งภายใน การปรับตัวเช่นนี้ไม่ใช่การละทิ้งอดีต แต่เป็นการยืนยันถึงความร่วมสมัย คุณโคชิมะกล่าวว่า “งานฝีมือควรมอบความสุขและความรู้สึกเปี่ยมคุณค่าให้กับชีวิตประจำวัน นั่นคือสิ่งที่เราต้องการให้ลูกค้ารู้สึกได้ แม้เพียงในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม”

Photo of SPB521
Photo of SPB523

ในทำนองเดียวกัน คุณมัตสึโมโตะเน้นย้ำว่า แม้นาฬิกาจะเป็นสิ่งที่หยั่งรากในประเพณี แต่ก็ต้องคงความร่วมสมัยไว้ “ผมหวังว่า Presage จะเป็นสื่อกลางที่ทำให้ผู้คนกลับมาสัมผัสคุณค่าและวัสดุแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอีกครั้ง ในบริบทของยุคปัจจุบัน”

ในฐานะผู้ออกแบบนาฬิกา คุณมัตสึโมโตะแสดงความหวังว่า Presage จะช่วยจุดประกายความสนใจในงานหัตถศิลป์แบบดั้งเดิม เช่น Oshima Tsumugi “ถ้านาฬิกาของเราสามารถพาผู้คนไปค้นพบเรื่องราวของผ้าไหมญี่ปุ่น หรือความงามของลวดลาย คาซูริ ได้ แม้เพียงทางอ้อม นั่นก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จในการส่งต่อบางสิ่งแล้ว”
ทั้งสองเห็นพ้องกันว่าประเพณีควรดำรงอยู่ในชีวิตของคนรุ่นต่อไป ซึ่งหมายถึงการลงทุนในการศึกษา การสร้างประสบการณ์ตรง และการบ่มเพาะช่างฝีมือรุ่นใหม่ พวกเขากล่าวว่าความท้าทายไม่ใช่แค่การรักษาอดีตไว้ แต่คือการมอบชีวิตใหม่ให้กับมันในโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

ผ่านการสนทนาและอุดมคติร่วมกัน ทั้งสองต่างหวังที่จะรักษาความงดงามแบบญี่ปุ่นให้คงอยู่ต่อไปอีกหลายชั่วอายุคน

  • Photo of SPB523

    ลวดลาย tatsugo ผสมผสานแรงบันดาลใจจากลวดลายสัญลักษณ์ของหลังงูพิษสายพันธุ์ habu ซึ่งเป็นสัตว์ท้องถิ่นของพื้นที่ เข้ากับรูปใบไม้ของพืชไซแคด (cycad) โดยซ้อนทับด้วยการตีความเชิงนามธรรมของภูมิทัศน์ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์แห่งอะมามิ โอชิมะ ลวดลายนี้ได้รับการตั้งชื่อตามหมู่บ้านทัตสึโกะ (Tatsugo) ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตแห่งแรก สะท้อนถึงสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างพื้นที่และประเพณีดั้งเดิม

  • Photo of SPB523

    Shiro-Oshima คือผ้าทอสุดประณีตที่ใช้ไหมสีขาวธรรมชาติเป็นผืนพื้น โดยจะเพิ่มสีเฉพาะในส่วนของเส้นไหมลวดลาย kasuri เท่านั้น เงางามตามธรรมชาติของไหมสีขาวมอบความสง่างามแบบเรียบหรู และสะท้อนความงดงามที่เรียบง่ายอย่างมีระดับ

  • Photo of SPB524

    ที่หมู่บ้าน Oshima Tsumugimura ช่างฝีมือได้ต่อยอดผ้าทอแบบดั้งเดิมนี้ให้เข้ากับวิถีชีวิตสมัยใหม่ ด้วยการสร้างสรรค์เสื้อผ้าใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เสื้อกั๊กและเสื้อเชิ้ต ทำให้ผ้าแบบดั้งเดิมนี้ไม่เพียงคงความคลาสสิกเหนือกาลเวลา แต่ยังสามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันอีกด้วย

สิ่งที่สะท้อนความงามแบบญี่ปุ่น
×
Seiko Presage Classic Series
การสำรวจมรดกโลกทางธรรมชาติ
แห่งอะมามิ โอชิมะ

  • Photo of SPB523
  • Photo of SPB524
  • Photo of SPB521

เมื่อธรรมชาติหล่อหลอมวัฒนธรรม:
มรดกโลกที่ยังมีชีวิตแห่งอะมามิ

มรดกโลกทางธรรมชาติ
ที่ไม่เหมือนใคร

ในเดือนกรกฎาคม ปี 2021 เกาะอะมามิ โอชิมะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของยูเนสโก ไม่เพียงเพราะทิวทัศน์ที่งดงามเท่านั้น แต่ยังเพราะความหลากหลายทางชีวภาพที่โดดเด่นและหายาก ซึ่งทำให้เกาะแห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่นี่เป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่นมากมาย เช่น กระต่ายอะมามิ และหนูขนยาวอะมามิ รวมถึงระบบนิเวศป่ากึ่งร้อนชื้นที่วิวัฒน์ขึ้นอย่างโดดเดี่ยว แต่สิ่งที่ทำให้อะมามิพิเศษยิ่งกว่านั้นคือ ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์นี้ไม่ได้เป็นป่าที่มนุษย์ไม่แตะต้อง ทว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ความเชื่อ และวัฒนธรรมของผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะ

Photo of Kazuya Moriyama Deputy Director, Amami-Oshima World Heritage Conservation Center

Kazuya Moriyama
รองผู้อำนวยการ
ศูนย์อนุรักษ์มรดกโลกอะมามิ-โอชิมะ

การอนุรักษ์ธรรมชาติ
เพื่อปกป้องวัฒนธรรม

คุณคาซึยะ โมริยามะ รองผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์มรดกโลกอะมามิ-โอชิมะ มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเข้ากับความตระหนักด้านวัฒนธรรม “การอนุรักษ์ไม่ได้หมายถึงการปกป้องแค่พืชและสัตว์เท่านั้น” เขากล่าว “แต่มันคือการส่งต่อวิถีชีวิตที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติ”

ศูนย์ฯ มุ่งเน้นการให้ความรู้แก่ชุมชน โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่เรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศในท้องถิ่น และแบ่งปันความรู้ผ่านการนำเสนอหรือหนังสือนิทาน ความพยายามเหล่านี้สร้างผลลัพธ์จริงในชุมชน แทนที่จะออกกฎจากบนลงล่าง แต่กลับเป็นการเสริมพลังให้เยาวชนมีอิทธิพลต่อผู้ใหญ่ “เมื่อเด็กคนหนึ่งลุกขึ้นมาอธิบายว่าทำไมการปกป้องสัตว์พื้นถิ่นจึงสำคัญ” คุณโมริยามะกล่าว “แม้แต่ผู้ใหญ่ที่ไม่สนใจมาก่อนก็ยังเริ่มตั้งใจฟัง”
เกาะแห่งนี้ยังประสบความสำเร็จในการกำจัดสัตว์รุกราน เช่น พังพอน ซึ่งเคยถูกนำเข้ามาเพื่อควบคุมงูพิษ habu ได้สำเร็จ ผ่านความร่วมมือระหว่างทีมงานท้องถิ่นและระดับชาติ ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นต้นแบบระดับโลกของการอนุรักษ์เกาะอย่างยั่งยืน

งานออกแบบที่สะท้อน
สุนทรียะแบบญี่ปุ่นจากธรรมชาติ

เมื่อกล่าวถึงดีไซน์ของ Seiko Presage Classic Series คุณโมริยามะได้กล่าวว่า “ความงามอันเงียบสงบของนาฬิกาอยู่ที่การสะท้อนจังหวะของธรรมชาติ ความเที่ยงตรงและละเอียดอ่อนที่ดำเนินไปอย่างสงบ”
เขายังเสริมว่าสุนทรียะแบบญี่ปุ่นมักเกิดจากการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ มากกว่าการควบคุมมัน “แสงที่สะท้อนบนผ้าไหม ความโค้งของหน้าปัด ทั้งหมดนี้คือลักษณะของความงามที่คนญี่ปุ่นมองเห็นผ่านความพอดีและกาลเวลา”
ทั้งในงานสิ่งทอและเรือนเวลา มรดกของอะมามิยังคงเดินต่อไปอย่างเงียบสงบ เตือนใจว่าความงามที่แท้จริงเกิดจากความใส่ใจและความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

  • Photo of Amami Oshima’s registration as a UNESCO World Natural Heritage site
  • Photo of Amami Oshima’s registration as a UNESCO World Natural Heritage site
  • Photo of Amami Oshima’s registration as a UNESCO World Natural Heritage site
  • Photo of Amami Oshima’s registration as a UNESCO World Natural Heritage site
  • Photo of Amami Oshima’s registration as a UNESCO World Natural Heritage site

การขึ้นทะเบียนเกาะอะมามิ โอชิมะเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของยูเนสโก มีรากฐานจากความสำคัญของเกาะในฐานะแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่ไม่พบที่ใดในโลก สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้วิวัฒน์ขึ้นอย่างโดดเดี่ยวมานานนับล้านปี แต่สมดุลอันเปราะบางนี้สามารถถูกรบกวนได้ง่ายจากสิ่งมีชีวิตรุกรานและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการอนุรักษ์อย่างเข้มงวดจึงมีความสำคัญ ไม่เพียงเพื่อปกป้องผืนดิน แต่เพื่อรักษาเครือข่ายชีวิตทั้งหมดที่อาศัยอยู่ร่วมกัน การปกป้องธรรมชาติของอะมามิคือการรักษาสมบัติทางนิเวศระดับโลกไว้ให้คนรุ่นต่อไป

สิ่งที่สะท้อนความงามแบบญี่ปุ่น
×
Seiko Presage Classic Series
บราวน์ชูการ์ โชจู (Brown Sugar Shochu)

Photo of Brown Sugar Shochu & SPB521

สืบสานประเพณีแห่งความกล้า:
Brown Sugar Shochu ที่หยั่งรากในความงามอันประณีต

ฟื้นรสชาติและขนบแห่งการหมัก
ใน Brown Sugar Shochu

ที่โรงกลั่น Yayoi Shochu บนเกาะอามามิ โอชิมะ คุณฮิโรยูกิ คาวาซากิ ทายาทรุ่นที่สี่และหัวหน้าช่างกลั่น ยังคงสืบทอดมรดกที่เริ่มต้นโดยคุณทวดของเขาตั้งแต่ปี 1922 ในยุคที่ อะวามอริ และโชจูมันเทศครองความนิยม โรงกลั่น Yayoi กลับโดดเด่นด้วยการผลิต Brown Sugar Shochu สุราที่ทำจากน้ำตาลทรายแดงและข้าวโคจิ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเกาะอามามิ และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายพิเศษให้ผลิตได้เพียงที่นี่เท่านั้น

ในขณะที่คนรุ่นก่อนในตระกูลคาวาซากิทำหน้าที่ดูแลด้านธุรกิจ ฮิโรยูกิได้ลงมือเข้ามาเป็นช่างกลั่นด้วยตนเองตั้งแต่ปี 2007 และปัจจุบันเป็นผู้นำในการผลิตอย่างเต็มตัว เขามีเป้าหมายชัดเจนว่า จะไม่ตามกระแสนิยมของโชจูรสอ่อนดื่มง่าย แต่จะรังสรรค์โชจูที่มีกลิ่นและรสเข้มข้นตามแบบดั้งเดิมของ Brown Sugar Shochu

“ตอนเด็ก ๆ ผมเห็นหลายคนเบือนหน้าหนีเมื่อได้กลิ่นโชจู” คุณคาวาซากิเล่า “แต่ผมกลับคิดว่ามันหอมอย่างน่าทึ่ง” ความทรงจำนั้นกลายเป็นแรงผลักดันให้เขามุ่งมั่นสร้างสรรค์โชจูที่โดดเด่นในความลุ่มลึกและกลิ่นเฉพาะ แม้อาจไม่เป็นที่นิยมในวงกว้าง “ผมอยากสร้างเครื่องดื่มที่ ‘ถูกเลือก’ ไม่ใช่แค่ ‘ถูกขาย’” เขากล่าว

Photo of Fourth-generation CEO of Yayoi Shochu Brewery

Hiroyuki Kawasaki
ทายาทรุ่นที่สี่ และประธานโรงกลั่น Yayoi Shochu

ประเพณี นวัตกรรม
และความงามแห่งงานฝีมือ

สำหรับคุณคาวาซากิ “ประเพณี” คือแก่นแท้ที่มั่นคงของงานฝีมือ แต่ “นวัตกรรม” ก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน ด้วยพื้นฐานจากการเป็นนักวิจัย เขาจึงเปิดรับการทดลองเทคนิคและอุปกรณ์การกลั่นรูปแบบใหม่อยู่เสมอ โดยมีหลักการคือ “ลอง ทดสอบ และเชื่อในประสาทสัมผัสของตัวเอง” เทคนิคที่ผ่านการพิสูจน์ด้วยสัญชาตญาณและประสบการณ์เท่านั้นที่จะถูกรวมเข้ากับปรัชญาการกลั่นของเขา

เมื่อได้สัมผัส Seiko Presage Classic Series คุณคาวาซากิรู้สึกประทับใจกับความงามอันเรียบง่าย ที่สะท้อนแนวคิด “ความงามเชิงหน้าที่” ของญี่ปุ่น “มันทำให้ผมนึกถึงคำว่า ‘วะบิ-ซะบิ’” เขากล่าว หมายถึงความงามที่เกิดจากความไม่สมบูรณ์และร่องรอยของเวลา “มันไม่ใช่ความโดดเด่น แต่คือความกลมกลืนอันละเอียด ซึ่งผมก็พยายามใส่ไว้ในโชจูของผมเช่นกัน”

จากการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อโปรโมตแบรนด์ เขามีโอกาสเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะระดับโลกในยุโรป “ผมชอบแวนโก๊ะและโกแกง แต่สุดท้ายก็กลับมาชื่นชมในความงามอันสงบของศิลปะญี่ปุ่น” เขากล่าว “ความยับยั้งและการให้เกียรติเวลา คือพลังที่แท้จริงของความงาม” ไม่ว่าจะในโลกของโชจูหรือนาฬิกา ปรัชญาแห่งความเรียบง่ายอย่างมีชั้นเชิงนี้ ยังคงสอดประสานอยู่เสมอ

  • Photo of the first stage of making brown sugar shochu

    ในขั้นตอนแรกของการหมัก Brown Sugar Shochu ส่วนผสมที่เรียกว่า โมโรมิ — ซึ่งประกอบด้วยข้าวมอลต์ น้ำ และยีสต์ — จะถูกหมักในหม้อดิน จากนั้นจะถูกย้ายไปยังถังหมักที่เติมน้ำตาลทรายแดงและน้ำ เพื่อเริ่มกระบวนการหมักขั้นต่อไป

  • Photo of crafting rich

    โรงกลั่น Yayoi Shochu ยังคงยึดมั่นในกระบวนการกลั่นแบบแรงดันบรรยากาศ (Atmospheric Distillation) ซึ่งให้กลิ่นที่เข้มและรสชาติที่ลุ่มลึกยิ่งขึ้นใน Brown Sugar Shochu ของพวกเขา

  • Photo of white oak by Japanese craftsmen

    โชจูจะถูกบ่มในถังไม้โอ๊คขาวที่ทำขึ้นโดยช่างฝีมือญี่ปุ่น การเผาด้านในของถังช่วยเพิ่มมิติความลึกให้กับรสชาติของโชจูในระหว่างการบ่ม

Seiko Presage Classic Series Lineup