Photo of SARX126
Photo of SARX126
Photo of SARJ010
Photo of SARJ010
Exhibition 1

ถักทอ
ความงามแบบญี่ปุ่น

นิทรรศการแรกของ Presage Museum สำรวจนวัตกรรมล่าสุดที่เกิดขึ้นในงานหัตถศิลป์แบบดั้งเดิม
ของ “ผ้าทอ Nishijin”* จากเกียวโต โดยตั้งคำถามว่า
“ความงามเชิงหน้าที่ถูกตีความอย่างไร?” และ
“งานฝีมือนี้เชื่อมโยงกับซีรีส์ Presage Classic อย่างไร?”

*ผ้าทอ Nishijin เป็นผ้าทอที่ผลิตในเขตตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเกียวโต เป็นผ้าทอแบบดั้งเดิมที่ใช้เส้นไหมย้อมสีทอร่วมกับเส้นทองและเงิน เพื่อสร้างลวดลายที่สวยงามและมีชีวิตชีวา

นักออกแบบแฟชั่น ยูสึเกะ มาเอดะ ผู้สืบทอดภูมิปัญญาผ้าทอ Nishijin

Arisugawa Textile/N’s 1182 
นักออกแบบแฟชั่น ยูสึเกะ มาเอดะ

ครีเอเตอร์รุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับประเพณี พร้อมเปิดรับความท้าทายใหม่ ๆ ได้ถือกำเนิดขึ้น ยูสึเกะ มาเอดะ ทายาทรุ่นที่สามของผู้ผลิตผ้าทอ Nishijin ภายใต้ชื่อ Arisugawa Orimono ได้ก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้า “N’s 1182” เพื่อนำเสนอเทคนิคการทอผ้า Nishijin แบบดั้งเดิมในรูปแบบที่ร่วมสมัยและสร้างสรรค์

ยูสึเกะ มาเอดะ อธิบายว่าแบรนด์ของเขาเป็น “เวอร์ชันเรียบง่ายของผ้าทอ Nishijin” และตั้งใจให้สามารถสวมใส่ได้หลากหลายแนว ตั้งแต่แฟชั่นพังก์ แฟชั่นสตรีต ไปจนถึงชุดทางการ โดยออกแบบให้เหมาะกับทุกเพศในสไตล์ยูนิเซ็กซ์

ซีรีส์ Seiko Presage Classic สะท้อนแนวคิดของเขาได้อย่างงดงาม โดยได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิด “ความงามเชิงหน้าที่ (Functional Beauty)” ซึ่งเป็นวิถีการมองความงามที่หยั่งรากลึกในวัฒนธรรมญี่ปุ่น
““ผ้าทอ Nishijin มักถูกใช้ทำ ‘โอบิ’ สำหรับผู้ที่สวมชุดกิโมโนเท่านั้น แต่ด้วยนาฬิกาเรือนนี้ ผู้คนทั่วโลกจะได้สัมผัสถึงความงามและประเพณีของญี่ปุ่น มันช่างน่ามหัศจรรย์จริง ๆ ผมรู้สึกประทับใจกับแนวคิด ‘Gracefully embracing Japan’s timeless beauty’ อย่างมาก” แนวคิดของซีรีส์ Presage Classic และมุมมองของคุณมาเอดะจึงสอดคล้องและสะท้อนกันอย่างลงตัว

สายสัมพันธ์ลึกซึ้ง
กับความงามแบบญี่ปุ่น

สร้างความงามอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยทักษะและภูมิปัญญาที่สืบทอดมายาวนาน

ผ้าทอ Nishijin แห่งเกียวโต เป็นประเพณีที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,200 ปี โดดเด่นด้วยลวดลายอันวิจิตรและสีสันสดใสที่เกิดจากการทอเส้นด้ายยืนและด้ายพุ่งในรูปแบบซับซ้อน โดยส่วนใหญ่จะถูกนำมาใช้ทำ โอบิ (ผ้าคาดเอวชุดกิโมโน) และเครื่องประดับแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น
ในฐานะผู้สืบทอดรุ่นที่สามของตระกูลผู้ทอผ้า Nishijin คุณมาเอดะได้อธิบายว่า Arisugawa Orimono มุ่งมั่นสร้าง “ความงามอิสระในแบบของตนเอง” มาโดยตลอด พร้อมเน้นย้ำถึงรากเหง้าดั้งเดิมของเวิร์กชอปที่ผลิตโอบิสำหรับชุดกิโมโนเป็นหลัก “เราสืบทอดเทคนิคและทักษะที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อสร้างความงามอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน” เขากล่าว พร้อมเสริมว่า “เราพัฒนาและออกแบบผ้าทอตั้งแต่แนวทางการใช้งานแบบทางการไปจนถึงแบบลำลอง โดยคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ยึดติดกับรูปแบบดั้งเดิมหรือกระแสแฟชั่นชั่วคราว”

แรงบันดาลใจจากความทรงจำวัยเด็ก จุดเริ่มต้นของแบรนด์ใหม่

ขณะสืบทอดประเพณีเก่าแก่เหล่านี้ คุณมาเอดะเล่าถึงแรงบันดาลใจในการก่อตั้งแบรนด์ใหม่ของเขา “N’s 1182” ว่า “ผมเป็นคนที่ชื่นชอบผ้าและแฟชั่นมาตลอด และคิดว่าจุดเด่นของผ้าทอ Nishijin คือความสามารถในการสร้างลวดลายที่โดดเด่นจากเส้นด้ายที่ละเอียดอ่อน ซึ่งนั่นคือความงามที่แท้จริงของมัน”

เขากล่าวต่อว่า “เมื่อผมยังเป็นนักเรียน ผมตัดสินใจอยากผลิตเสื้อผ้าและสร้างดีไซน์ที่สวยงามเพื่อแบ่งปันให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็นในแบบที่น่าสนใจ ตอนนั้นผมนึกถึงภูเขาผ้าทอมากมายที่คุ้นเคยตั้งแต่เด็ก มันเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากสร้างความสุขที่ไม่ซ้ำใครจากผ้าเหล่านี้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของแบรนด์นี้”

นาฬิกาที่เปี่ยมด้วยความสง่างามและความละเอียดอ่อน สะท้อนความงามแบบญี่ปุ่น

เมื่อได้เห็นซีรีส์ Presage Classic เป็นครั้งแรก คุณมาเอดะก็สัมผัสได้ทันทีถึงความเชื่อมโยงระหว่างนาฬิกาเรือนนี้กับความงามแบบญี่ปุ่น “ผมรู้สึกว่าน่าสนใจมากที่หน้าปัดถูกสร้างขึ้นด้วยเทคนิคที่ไม่ค่อยพบในนาฬิกาทั่วไป พื้นผิวที่ให้สัมผัสคล้ายผ้าเครปและประกายเงาที่เปลี่ยนไปตามแสงนั้นงดงามอย่างยิ่ง ส่วนรุ่นที่มีดีไซน์เปิดโชว์กลไก (Open-heart) ก็ให้ความรู้สึกงดงามราวกับเส้นไหมละเอียด”

เขายังกล่าวถึงสายของนาฬิกาด้วยว่า “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผมสังเกตว่าสายมีความละเอียดและพอดีกับข้อมือมาก ใส่แล้วรู้สึกสบาย อีกสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาคือดีไซน์แบบโค้งมน ซึ่งสะท้อนถึงความสง่างามของงานช่างฝีมือญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว เส้นโค้งของตัวเรือนและหน้าปัดทำให้ผมนึกถึงรูปทรงของงานหัตถศิลป์แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นทันทีเมื่อได้เห็นนาฬิกาเรือนนี้ครั้งแรก”

คุณมาเอดะยังเปรียบเทียบการใช้สีทองในตำแหน่งหลักชั่วโมงและขอบตัวเรือนกับศิลปะญี่ปุ่นอย่าง คินสึงิ (Kintsugi) ซึ่งเป็นการซ่อมแซมเครื่องปั้นดินเผาที่แตกโดยใช้แลคเกอร์ อุรุชิ ผสมผงทอง เงิน หรือแพลทินัม “ผมรู้สึกว่านาฬิกาเรือนนี้สะท้อนแนวคิดของคินสึงิได้อย่างสวยงาม สีทองที่ใช้ในรายละเอียดต่าง ๆ ดูประณีตและสื่อถึงความงามของการเยียวยา ความเงียบสงบและความละเอียดอ่อนนั้นงดงามมาก นาฬิกาเรือนนี้สามารถเข้ากับหลายโอกาสได้ดี ไม่เพียงกับชุดตะวันตก แต่ยังดูสง่างามเมื่อจับคู่กับกิโมโนอีกด้วย”

Photo of Arisugawa Textile/N’s 1182 Fashion Designer Yusuke Maeda

Arisugawa Textile/N’s 1182 
นักออกแบบแฟชั่น ยูสึเกะ มาเอดะ

Photo of SARX126
Photo of SARX126 zoom

ยูสึเกะ มาเอดะ และแบรนด์เสื้อผ้า N’s 1182 ของเขา กำลังมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่วัฒนธรรมผ้าทอ Nishijin สู่คนรุ่นใหม่ ทั้ง Seiko Presage และผ้าทอ Nishijin ต่างก็สะท้อนจิตวิญญาณแห่งความงามแบบญี่ปุ่น ที่ค่อย ๆ พัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทั้งสองสิ่งนี้กำลังร่วมกันยกระดับการแสดงออกของ “ความงามแบบญี่ปุ่น” ให้ก้าวไปอีกขั้น

  • Photo of SARJ010 wear
  • Photo of SARJ010 wear
  • Photo of SARJ010 wear
  • Photo of SARJ010 wear
  • Photo of Former Imperial Villa Nijo-jo Castle
  • Photo of Former Imperial Villa Nijo-jo Castle
  • Photo of Former Imperial Villa Nijo-jo Castle
  • Photo of Former Imperial Villa Nijo-jo Castle

ปราสาทนิโจ (อดีตวิลล่าหลวง นิโจโจ)

ไม่ไกลจากสตูดิโอของยูสุเกะ มาเอดะ คือปราสาทนิโจ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงของเกียวโต การมาเยือนปราสาทนิโจถือเป็นกิจกรรมภาคบังคับของนักเรียนมัธยมต้นชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก ทุกปีจะมีคณะนักเรียนในชุดเครื่องแบบเดินทางมาทัศนศึกษายังสถานที่แห่งนี้ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก และยังเป็นจุดหมายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกนับล้านคน

ปราสาทนิโจถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1603 เพื่อเป็นที่พำนักในเกียวโตของโชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสึ โชกุนคนแรกแห่งยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603–1868) ผู้ก่อตั้งรัฐบาลโชกุนที่ปกครองญี่ปุ่นต่อเนื่องถึง 15 ชั่วอายุคน และเพื่อทำหน้าที่ปกป้องพระราชวังหลวงเกียวโต นอกจากนี้ ปราสาทนิโจยังเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งถือเป็นจุดสิ้นสุดของยุคโชกุน เมื่อโชกุนลำดับที่ 15 ประกาศคืนอำนาจทางการเมืองให้แก่องค์จักรพรรดิ เปิดฉากสู่ยุคเมจิ ที่นำพาญี่ปุ่นเข้าสู่การปฏิรูปและความเป็นสมัยใหม่

นับตั้งแต่เปิดให้ประชาชนเข้าชมในปี ค.ศ. 1940 ปราสาทนิโจและพื้นที่โดยรอบได้จัดกิจกรรมหลากหลายเพื่อเผยเสน่ห์ของสถานที่และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้สัมผัสบรรยากาศทางประวัติศาสตร์อย่างใกล้ชิด กิจกรรมเหล่านี้รวมถึงพิธีชงชาใต้ต้นซากุระ ในเดือนเมษายน เทศกาลเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงในเดือนตุลาคม การแสดงแสงสีเสียงยามค่ำคืนในหลายช่วงของปี ไปจนถึงกิจกรรมโยคะบนลานกว้างของพระราชวัง ล้วนช่วยให้ปราสาทนิโจเป็นประตูแห่งอดีตที่ยังคงมีชีวิต สะท้อนความงดงามและจิตวิญญาณของญี่ปุ่นในทุกยุคสมัย

Things that Express
ความงดงามของญี่ปุ่น
×
Seiko Presage Classic Series
วัฒนธรรมอาหารแห่งเกียวโต

Photo of SARJ010&cuisine
Photo of SARJ010&cuisine

วัฒนธรรมและอาหาร ต่างเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก

ขนบธรรมเนียมและนวัตกรรม สองด้านของเหรียญเดียวกัน

นาโอตากะ โมโตยามะ คือหัวหน้าเชฟประจำร้านชิโมะกาโมะซาริโยะ ร้านอาหารญี่ปุ่นสุดหรูที่ตั้งอยู่ในทำเลประวัติศาสตร์อันงดงามของเกียวโต ซึ่งเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1856 เขาอธิบายถึงวัฒนธรรมอาหารของเกียวโต ว่าเป็น “ศิลปะแห่งการแปรเปลี่ยนวัตถุดิบตามฤดูกาลที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ให้กลายเป็นจานอาหารที่ทั้งสวยงามและอร่อยเหนือความคาดหมาย” โมโตยามะอธิบายว่า อาหารแบบไคเซกิ ซึ่งเป็นจุดเด่นของร้านนั้น มีรากฐานมาจากวัฒนธรรมเดียวกับพิธีชงชา เขายังเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างวัฒนธรรมและอาหาร โดยกล่าวว่า “จานที่ใช้เสิร์ฟอาหาร งานฝีมือดั้งเดิมที่อยู่เบื้องหลัง และที่มาธรรมชาติของวัตถุดิบทั้งหมด ต่างเป็นองค์ประกอบที่รวมกันจนกลายเป็นประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่สมบูรณ์แบบ”

Photo of Naotaka Motoyama,Executive Chef of ShimogamoSaryo

นาโอตากะ โมโตยามะ
หัวหน้าเชฟประจำร้านชิโมะกาโมะซาริโยะ

โมโตยามะอธิบายเพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและปัจจัยทางเศรษฐกิจบางครั้งส่งผลให้วัตถุดิบท้องถิ่นบางชนิดเกิดการขาดแคลน ซึ่งกลับกลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ “ผมมองว่านี่คือส่วนหนึ่งของประเพณี ขนบธรรมเนียมและนวัตกรรมเป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน” เขากล่าว “สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาความอร่อยของอาหารให้คงอยู่ และนั่นคือสิ่งที่ต้องส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น แต่ในขณะเดียวกัน รูปแบบการนำเสนอและวิธีการรับประทานย่อมต้องพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา”

Photo of Naotaka Motoyama,Executive Chef of Shimogamo Saryo

นาโอตากะ โมโตยามะ
หัวหน้าเชฟประจำร้านชิโมะกาโมะซาริโยะ

เรือนเวลาที่เปี่ยมด้วยความประณีตและงดงามในแบบญี่ปุ่น

เมื่อกล่าวถึงความสมดุลระหว่างขนบธรรมเนียมและนวัตกรรม โมโตยามะกล่าวว่า “เราจะยังคงทำหน้าที่ของเราต่อไป เพื่อรักษาแก่นแท้ของอาหารเกียวโตไว้ให้ได้ การนำวัตถุดิบตะวันตกมาใช้ในลักษณะที่ฉูดฉาดเกินไปอาจทำลายความกลมกลืนของประเพณีเราได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่เปิดรับสิ่งเหล่านี้เลย ปัจจุบันผมสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น และบางครั้งก็ได้ร่วมงานกับเชฟชาวตะวันตก สิ่งนี้ทำให้เราได้แลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจและมุมมองที่มีคุณค่าต่อกัน”

เมื่อได้พิจารณาเรือนเวลาตระกูล Presage Classic โมโตยามะให้ความเห็นว่า “ญี่ปุ่นมีงานหัตถศิลป์และผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมที่งดงามมากมาย และนี่คือโอกาสอันยอดเยี่ยมที่จะนำแนวคิดเหล่านั้นมาถ่ายทอดผ่านนาฬิกา มันยังสามารถจุดประกายให้ผู้คนเกิดความสนใจในวัฒนธรรมเหล่านี้มากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าคุณสามารถสวมใส่นาฬิกาเรือนนี้โดยไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวเบื้องหลัง แต่เมื่อได้รู้แล้ว คุณอาจรู้สึกอยากทำความเข้าใจวัฒนธรรมญี่ปุ่นให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น”

  • Photo of Shimogamo Saryo
  • Photo of Shimogamo Saryo
  • Photo of cuisine